ข้อสอบปลายภาค วิชาการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์จินตนา สุขสำราญ เวลา 10.00 - 11.00 น.
จงตอบคำถามต่อไปนี้
1. ในการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยท่านต้องศึกษาในเรื่องใดบ้าง ?
- ความรู้พื้นฐานและความสนใจที่มีต่อเรียนรู้ทางภาษา
การจัดสภาพแวดล้อมต่อห้องเรียน
รูปแบบของการเรียนรู้ ให้สอดคล้องกับทักษะ การฟัง การอ่าน การพูด การเขียน
การจัดกิจกรรมเพื่อช่วยส่งเสริมแลพัฒนาการทางด้านภาษา
2. การจัดประสบการณืทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีวัตถุประสงค์อะไร ?
- เพื่อให้เด็กได้มีทักษะในการใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง
เกิดความรู้และความเข้าใจถึงภาษาและความหมายของภาษาได้อย่างถูกต้อง
เพื่อช่วยในการแก้ปัญหาการใช้ภาษาของเด็กได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
3.หลักการจัดประสบการณ์ทางภาษาสำหรับเด็กปฐมวัยมีอะไรบ้าง ?
-การจัดสภพาแวดล้อมและบรรยากาศในห้องเรียน
คำนึงถึงตัวของเด็ก.
ความสนใจและความต้องการของเด็ก
พัฒนาการที่เด้กจะได้รับ
4.ท่านมีแนวทางในการให้ความรู้กับผู้ปกครองเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาได้อย่างไรบ้าง ?
-พ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็กเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดและมีความสำคัญในการช่วยพัฒนาทางด้านภาษาของเด็ก
การที่จะช่วยพัฒนาการของเด้กโดยผู้ปกครองทำได้โดยง่ายๆและเป็นวิธีที่ใกล้ตัวเด็ก
1. การร่วมทำกิจกรรมในครอบครัว เช่นการเล่นเกม การร้องเพลงคาราโอเกะ
2.การเล่านิทาน การอ่านหนังสือ
3.ฟังเพลง
ที่สำคัญคือ การจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านและการจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้
ให้เป็นไปอย่างไม่ตึงเครียดมากเกินไป ไม่ควรบังคับให้เด้กทำกิจกรรม
นอกจากนี้ยังหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย
5. ให้ท่านเลือกกิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาที่ท่านชอบมากที่สุด พร้อมให้เหตุผล
( ชื่อ ,วัตถุประสงค์, กิจกรรม ,ประเมินผล)
ชื่อ : เล่านิทาน (อัดเสียง)
วัตถุประสงค์ :
1.พัฒนาการทางด้านภาษา
2.เพื่อให้เกิดความคิดและจินตนาการ
3.ฝึกการเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นเป็นกลุ่ม ทั้งกลุ่มเล็ก และใหญ่
4.ให้เกิดทักษะทางด้านการฟังและการพูด
กิจกรรม:
อัดเสียงนิทานให้เด็กฟัง นิทานเรื่อง กุ๊กไก่ปวดท้อง
ใช้เวลาในการเล่า 15-20 นาที โดยมีการร่วมกันถาม- ตอบ
ว่าในเรื่องมีตัวละครอะไรบ้าง ตัวละครทำอะไร ได้คติอะไรจากการฟังเรื่องนี้
ประเมินผล :
1. สังเกตการฟังนิทาน
2.สังเกตการเข้าร่วมกิจกรรม การตอบคำถาม
3. การเข้าร่วมกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น
4.สังเกตการมีสมาธิ และการให้ความคิดและจินตนาการ
สาเหตุที่เลือกกิจกรรมนี้ เนื่องจากการเน้นพัฒนาการทางด้านการฟังถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ
ต่อการพัฒนาการทางด้านภาษา สามารถพัฒนาการเชื่องโยงไปยัง
พัฒนาการทางการฟัง การพุด การอ่าน การเขียน ได้อีกด้วย
วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553
นิทานเรื่อง แม่ไก่สีแดง
กาลครั้งหนึ่งมีแม่ไก่สีแดงตัวน้อยตัวหนึ่ง
ผู้ซึ่งคุ้ยเขี่ยอยู่ในลานข้าวจนกระทั่งเจอเมล็ดข้าวสาลี
มันร้องเรียกสัตว์ตัวอื่นๆ มาและพูดว่า “ถ้าเราปลูกเมล็ดข้าวสาลีนี้
เราก็จะมีขนมปังไว้กินกัน ใครจะช่วยฉันปลูกมันบ้าง”
“ฉันไม่” วัวตอบ
“ฉันไม่” เป็ดตอบ
“ฉันไม่” หมูตอบ
“ฉันไม่” ห่านตอบ
“ฉันจะทำ” แม่ไก่สีแดงตัวน้อยพูดขึ้นมา และมันก็ได้ลงมือปลูกข้าวสาลีนั้น
ต้นข้าวได้เจริญงอกงาม และออกรวงสีเหลือทองอร่าม
“มีใครจะช่วยฉันเกี่ยวข้าวบ้างไหม” แม่ไก่ร้องถาม
“ฉันไม่” เป็ดพูด
“นั่นไม่ใช่งานสำหรับคนระดับฉัน” หมูพูด
“นั่นจะทำให้ฉันเสียเกียรติ” วัวตอบ
“มีค่าเหนื่อยให้ฉันไหม” ห่านถาม
“ฉันจะทำเอง” แม่ไก่สีแดงตัวน้อยพูดขึ้นมา และมันก็ลงมือเกี่ยวข้าว
สุดท้ายก็มาถึงเวลาในการอบ
ขนมปัง “ใครจะช่วยฉันอบขนมปังบ้าง”
ขนมปัง “ใครจะช่วยฉันอบขนมปังบ้าง”
แม่ไก่สีแดงตัวน้อยถามขึ้นมา
“ถ้าช่วย ก็ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาของฉันนะ” วัวพูด
“มีสวัสดิการหรือผลประโยชน์ให้กับฉันไหมล่ะ” เป็ดถาม
“หากฉันเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือเธอ ฉันก็เป็นแกะดำซิ” ห่านพูด
“ถ้าช่วย ก็ถือว่าเป็นการทำงานล่วงเวลาของฉันนะ” วัวพูด
“มีสวัสดิการหรือผลประโยชน์ให้กับฉันไหมล่ะ” เป็ดถาม
“หากฉันเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือเธอ ฉันก็เป็นแกะดำซิ” ห่านพูด
“ฉันจะทำ” แม่ไก่สีแดงตัวน้อยบอก แล้วมันก็อบขนมปังได้ 5 แถว
แล้วนำไปอวดสัตว์ อื่นๆ ซึ่งพวกมันต่างก็อยากกินขนมปังนั้นด้วยกันทุกตัว
แท้จริงแล้วพวกมันต่างก็ต้องการส่วนแบ่ง แต่แม่ไก่สีแดงตัวน้อยตอบว่า
“ไม่ ฉันคนเดียวก็สามารถกินขนมปัง 5 แถวนี้ได้หมด”
“ค้ากำไรเกินควร” วัวตะโกนออกมา
“นายทุนหน้าเลือด” เป็ดร้องลั่น
“ฉันต้องการสิทธิที่เท่าเทียมกัน” ห่านโวยวายขึ้นมา
ส่วนหมูทำเสียงฟืดฟาดไม่พอใจ
“ค้ากำไรเกินควร” วัวตะโกนออกมา
“นายทุนหน้าเลือด” เป็ดร้องลั่น
“ฉันต้องการสิทธิที่เท่าเทียมกัน” ห่านโวยวายขึ้นมา
ส่วนหมูทำเสียงฟืดฟาดไม่พอใจ
แล้วทุกตัวต่างก็พากันทำป้ายและเดินประท้วงไปรอบๆ ลานข้าว
พร้อมกับตะโกนด่าว่าแม่ไก่สีแดงตัวน้อยอย่างหยาบคาย
เจ้าหน้าที่รัฐได้มาถึงและได้บอกแก่แม่ไก่สีแดงตัวน้อยว่า “คุณต้องไม่โลภจนเกินไป”
“แต่ฉันหาขนมปังมาได้ด้วยตัวเองนะ”
“แน่นอน” เจ้าหน้าที่ตอบ “นั่นคือการได้มาแบบฟรีๆ
ใครก็ตามที่อยู่ในลานข้าวสามารถหากินได้มากเท่าที่ต้องการ
แต่ภายใต้ข้อบังคับของรัฐผู้ที่ทำงานแล้วมีผลผลิตต้องแบ่งปันผลผลิตส่วนเกินให้แก่ผู้อื่น”
แล้วทุกคนต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตลอดไป
แต่พวกสัตว์ ตัวอื่นๆ ก็รู้สึกประหลาดใจที่แม่ไก่สีแดงตัวน้อยไม่เคยทำขนมปังอีกเลย
“ไม่มีรางวัล สำหรับคนขี้เกียจ”
อาจารย์ให้เล่านิทานเรื่องแม่ไก่สีแดงคนละบรรทัด
แล้วสรุปคติที่ได้จากนิทานเรื่องนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)